Friday, 29 March 2024

ขยันผิดที่ 10 ปี ก็ไม่รวย

”คนเรามีทั้งฉลาด โง่ ขยัน และขี้เกียจ แตกต่างกันไปมากมาย ไม่ว่าคุณจะเป็นคนแบบไหน แต่การขยันผิดที่ทำไปซ้ำไปซ้ำมาก่อให้เกิดความเสียหายไม่มีประโยชน์แต่วันนี้ยังไม่สายอยากให้คุณลองคิดทบทวนการทำงานแบบขยันผิดที่ผิดเวลาหลายเหตุผลที่เราไม่ควรขยันผิดที่

1 การทำงานที่ใช้แต่แรงงานเน้นปริมาณไม่ใช้สมอง ทำงานเยอะแต่ไม่มีคุณภาพลองเปลี่ยนวิธีคิดใหม่คิดให้ดีก่อนทำจัดความสำคัญก่อนหลัง เชื่อได้เลยว่างานที่ออกมาจะต้องมีคุณภาพและเสร็จเร็วกว่าเดิมแน่นอน ดีกว่าการทำไปเรื่อยๆโดยไม่มีการวางแผนและไม่ใช้สมอง

2 การทำงานล่วงเวลาโหมงานหนัก นอนดึกตื่นสายไม่ใช่ว่าทำร้ายเพียงร่างกายแต่ยังทำลายความคิดสร้างสรรผลงานดีๆเพราะ สมองเบลอจากการอดนอนเรื่องนี้ “เอเรียนนา ฮัฟฟิงตัน” คอลัมนิสต์ ชาวอเมริกันเชื้อสายกรีก ได้เคยกล่าวไว้ในคอลัมน์

3 ขยันทำงานในเวลาที่ต้องส่งงานเป็นการทำงานที่รีบร้อนทำให้อารมณ์เสียงานที่ออกมาและยังทำลายบรรยากาศความสำคัญกับผู้คนรอบข้าง อยากให้คุณได้ลองคิดหาวิธีในการทำงานที่เสร็จตรงตามเวลาควรวางแผนแต่เนิ่นๆที่รับงานมา เพื่อให้งานที่ออกมามีคุณภาพและเสร็จตรงตามเวลา

4 คนที่เป็นนายคนควรเป็นต้นแบบที่ดีให้กับลูกน้อง โดยเฉพาะการจัดการกับเวลาให้คนในที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศแค่เพียงในเวลางานไม่ควรให้กลับดึกๆดื่นๆเพื่อแลกกับผลงานที่ออกมาน้อยนิดในเวลาที่ล่วงไป

5 การขยันทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทำให้สุขภาพเสียร่างกายสุดโทรมตัวอย่างของการทำงานหามรุ่งหามค่ำทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตด้วยการหัวใจวายคาโต๊ะทำงานเนื่องจากทำงานหนักติดต่อกันโดยไม่มีการหยุดพัก 30 ชม

6 อยากให้คิดก่อนสักนิดแล้วคุณจะรู้ว่างานที่ทำส่วนใหญ่ตอนนี้ แทบไม่มีความสำคัญอะไรเลย การทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน วันๆทำแต่งานซ้ำ ๆ เดิม ๆอยู่แต่ในออฟฟิศวันละหลายชั่วโมง อยากให้ลองถามตัวเองว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ที่ทำงานทุกวันนี้มีประโยชน์กับชีวิตเรามากน้อยแค่ไหน งานที่ทำอยู่ทำให้เราพัฒนาตัวเองหรือไม่ แล้วสิ่งที่เราทำลงไปมีผลอะไรกับสังคมบ้าง

7 ความสำคัญของครอบครัวต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง อย่าปล่อยให้งานทำลายให้ชีวิตครอบครัวเราพัง ความสำคัญของการทำงานที่ก้าวหน้าสำหรับใครหลายๆคนต้องการ แต่พอเอาเข้า จริง ๆ การที่มีครอบครัวที่ดี อบอุ่น น่าจะดีกว่าการทำงานเพราะไม่ว่าเวลาทุกข์หรือสุขคนในครอบครัวก็จะอยู่ข้างข้างเราเสมอซึ่งแตกต่างกับงาน

วลีนี้ เป็นวลียอดฮิตที่มีการกล่าวถึงอยู่ บ่อย ๆ ส่วนตัวผมเองก็เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินมาไม่มากก็น้อยเลยล่ะครับ วลีนี้เป็นวลีสั้น แต่ได้ใจความและจบที่ตัวของมันเอง

คำคำนี้มีความหมายที่ฟังดูแล้ว “โดนใจ”จริง ๆ สำหรับคนที่รู้สึกว่าตัวเองทำงานอย่างขยันขันแข็งนะ แต่เริ่มมองเห็นความจริงที่อยู่ตรงหน้าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ก็ยังไปไม่ถึงไหนเสียที ตำแหน่งงานเดิม ๆ ธุรกิจเหมือนเดิม เงินเดือนไม่ต่างจากเดิม ฯลฯ จนเริ่มเอาตัวเองไป “เปรียบเทียบ” โดยเฉพาะ “คนรอบข้าง” บางคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่า ไปได้ไกลกว่า ก้าวหน้ากว่า สุดท้ายแล้วก็เริ่มเป็นทุกข์ เลวร้ายที่สุดคือมีอาการของโรค “ซึมเศร้า”

ส่วนตัวของผมแล้วคิดว่า “จริง” ครับ และเป็นกันทุกธุรกิจด้วย เป็นกันทุกวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการระดับโลกอย่างฟุตบอล ที่บางคนค้าแข้งกับทีมมานานแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เล่นไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เป็นตัวจริง ดาราบางคนอยู่กับต้นสังกัดที่อยู่ในช่วงถดถอย ทั้ง ๆ ที่มีฝีมือ แต่ก็ไม่มีกระแส ไม่มีละครให้เล่น เป็นต้น เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องของ “การอยู่ผิดที่ผิดทาง” เป็นเรื่องธรรมชาติของโลก มาก ๆ ไม่มีวงการไหนที่ขยันอย่างเดียวแล้วจะรวยเสมอไป

สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเมื่อคุณรู้ตัวแล้วว่าคุณกำลังขยันผิดที่ ทำงานมาเกือบสิบปี ยังไม่รวยหรือก้าวหน้า แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปกับมัน คุณจะเลือกที่จะยอมรับหรือเปลี่ยนแปลงตัวเอง สิ่งนี้คือเรื่องของคุณเท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสินใจ
ขงจื้อ ได้กล่าวไว้ว่า “แม่ทัพควรเป็นคนฉลาดและขยัน ส่วนฝ่ายทหารเสนาธิการเอาไว้วางแผนอยู่เบื้องหลังควรใช้คนฉลาดแต่ขี้เกียจ งานที่ทำตามคำสั่งไว้ใช้แรงงานคือคนโง่และขี้เกียจ แต่คนที่ไม่ควรเอาไว้ต้องไปทิ้งทันทีมันก็คือคนโง่แต่ขยันเพราะจะก่อแต่ความเดือดร้อนทำให้งานเสียหาย

เรียบเรียงใหม่โดย 1 ไร่ไม่จน

Facebook Comments Box