รักลูกอ ย่ าทิ้งลูกไว้กับมือถือ! เมื่อได้ฟังคำนี้ อย่าปล่อยผ่าน หันมองลูกหลานบ้าง ว่าทำอะไรอยู่ เรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม
รักลูกอ ย่ าทิ้งลูกไว้กับมือถือ! แม่เล่านาทีบีบหัวใจ หลังต้องใจแข็งให้ลูกผ่าตัดตา หลังลูกชายติดมือถือหนัก จ น เป็นโรคตาขี้เกียจ แถมมาด้วยสมาธิสั้น ชี้เป็นอุทาหรณ์สังคมปัจจุบัน
ดวงตา ของเด็ก เป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง สำหรับการดูแลก็เช่นเดียวกันกับอวัยวะอื่นๆ หลักใหญ่ๆ ก็คือ ทำ ให้ร่างกายแข็งแรง รับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ พักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอ การจัดสถานที่อ่านหนังสือ หรือทำงาน ให้แสงสว่างเพียงพอสำหรับสายตา จะ ช่วยให้ช่วยถนอมสายตาได้วิธีหนึ่ง และที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดเป็นอันตรายต่อเด็ก โดยเฉพาะของเล่นที่มีความแหลมคม เช่น ฉมวก เบ็ด หรือเล่นหนังยาง ซึ่งอาจพุ่งมากระทบตา อาจทำให้ตาบอดได้ หรือแสงสีฟ้าจากโทรทัศน์ และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งก็อาจส่งผลเสียต่อดวงตาของลูกได้ถ้าเล่นเป็นเวลานาน ๆ
ยุคนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “มือถือ” กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ขายมือถือเหมือนจะขาดใจ มันใช้ได้กับยุคนี้สมัยนี้จริงๆ ประโยชน์ก็มาก โทษก็มี ถ้าเราใช้ในทางที่ผิด
อย่างเช่นคุณแม่ยังสาวคนนี้ คุณแคท ที่ตัดสินใจโพสต์เรื่องราวอุทาหรณ์ของลูกชาย กับการติดมือถือจ น ทำให้ลูกเป็นโรคตาขี้เกียจ หรือโรค กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง พ่วงมาด้วยโรคสมาธิสั้น เพราะเธอละเลยปล่อยให้ลูกอยู่กับมือถือมากเกินไป
คุณแคทเล่าให้จันฟังว่า เธอเป็นคนทำงาน พอมีลูกก็เลี้ยงดูเหมือนเด็กปกติตามยุคสมัย และเธอก็ซื้อแท็บเล็ตลูกเล่นเหมือนเด็กปกติทั่วไป แต่พอนานวันไป ลูกเริ่มติดแท็บเล็ตและใช้เวลาอยู่กับจอนานมาก จ น เธอเริ่มสังเกตว่าเวลาเรียกลูกแล้วลูกหันมา แต่สายตาลูกกับไม่จดจ้องที่เธอ และลูกก็เริ่มสายตาสั้นขึ้นเรื่อยๆ
นานวันพฤติกรรมลูกก็เหมือนเดิมคือติดหน้าจอและเริ่มหัดเล่นเกมออนไลน์มากกว่าเดิม พอลูกอายุ 5 ขวบ คุณแคทเริ่มรู้สึกว่าจะปล่อยไว้ไม่ได้ จึงพาลูกไปปรึกษาหมอที่ รพ.แห่งหนึ่ง ที่เชี่ยวชาญเรื่องสายตา คุณหมอบอกกับเธอว่าลูกชายวัย 5 ขวบ เป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือเรียกว่าตาขี้เกียจ วิธีการรักษาคือการผ่าตัด แต่หมอก็บอกว่าการรักษานี้ไม่ได้ทำให้น้องกลับมามองปกติได้ แต่เป็นการรักษาที่ดีที่สุด
หัวใจคนเป็นแม่เมื่อรู้ว้าลูกชายวัยเพียง 5 ขวบ ต้องผ่าตัดเธอตัดสินใจหาวิธีการรักษาแบบอื่น คือให้ใส่แว่นตาประคองอาการ แต่เมื่อเมื่อผ่านไปนานวัน อาการลูกยิ่งหนักขึ้น คุณแคทจึงตัดสินใจพาลูกเข้าไปปรึกษาหมออีกครั้ง และตัดสินใจผ่าตัดเพื่อรักษา วินาทีที่ลูกเจ็บคือวินาทีเดียวกับที่แม่เจ็บ แต่บทเรียนนี้ทำให้เธอและลูกชายเรียนรู้กับการใช้มือถือมากขึ้น
หลังจากนั้นผ่าตัด คุณแคทบอกกับจันว่า ลูกเธอเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม และที่สำคัญที่สุด คนเป็นพ่อแม่คือสิ่งสำคัญที่สุด เราต้องใจแข็งต่อรองกับเขามากขึ้น เพราะผลเสียไม่ใช่แค่สายตาที่เสีย ตอนนี้น้องสมาธิสั้นต้องกินยารักษา ผลก็เกิดจากการเล่นเกมและมือถือนี่เอง
แม้คนเป็นพ่อแม่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่คนเป็นพ่อแม่สามารถเปลี่ยนพฤติกกรมของลูกตั้งแต่ตอนนี้ยังไม่สาย รักลูกอย่าตามใจลูกเกินไป แบ่งเวลา ให้เขาเล่นแค่พอประมาณ อย่าละเลย ให้มือถือเป็นเจ้าชีวิตใคร
ขอบคุณข้อมูล www.ejan.co