Wednesday, 16 April 2025

บุกรวบ ดาราช่องดัง เป็นผู้บริหารการเงินเว็บพนันรายใหญ่

26 Feb 2025
1638

 

 

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือตำรวจไซเบอร์ แถลงผลการทลายเว็บพนันรายใหญ่จากการเข้าตรวจค้นพื้นที่ 2 จุดกลางกรุงเทพ มีเงินหมุนนับ 100 ล้านต่อเดือน รวมกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย หนึ่งในนั้นพบเป็นนักแสดงประกอบช่องดังร่วมขบวนการ

ซึ่งก่อนการแถลงข่าว ทางตำรวจไซเบอร์ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนมาสอบปากคำ โดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ได้ดำเนินการสอบปากคำด้วยตนเอง จากการสอบปากคำ นายอมรและนายอิศรา ให้การรับสารภาพในบางส่วน แต่นายไพรัช ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

 

 

บุกรวบ ดาราช่องดัง เป็นผู้บริหารการเงินเว็บพนันรายใหญ่

 

สำหรับคดีนี้นั้น สืบเนื่องจากตำรวจ บก.สอท.2 ได้สืบสวนพบการกระทำผิดของเว็บพนันออนไลน์เครือข่าย WM CASINO จากข้อมูลเส้นทางการเงินพบว่ามียอดเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาทต่อเดือน รวมกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่ายได้นับ 10 ราย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.2 ได้นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 2 จุดในพื้นที่กรุงเทพ จุดที่ 1 เป็นห้องพักชั้น 3 ภายในคอนโดแห่งหนึ่ง พื้นที่แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง และจุดที่ 2 เป็นบ้านพักในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งในซอยรามอินทรา 34 แยก 15 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย ได้แก่

 

 

 

บุกรวบ ดาราช่องดัง เป็นผู้บริหารการเงินเว็บพนันรายใหญ่

 

 

1. นายอมร อายุ 31 ปี นักแสดงประกอบละครของช่องดัง ทำหน้าที่จดทะเบียนบริษัท เปิดบัญชีนิติบุคคล และเบิกถอนเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร

2. นายอิศรา อายุ 37 ปี ทำหน้าที่เป็นผู้เบิกถอนเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร

3. นายไพรัช อายุ 38 ปี ทำหน้าที่เป็นผู้รับเงินต่อจากนายอมร

พร้อมกันนี้สามารถตรวจยึดของกลาง ได้แก่

1. รถยนต์ จำนวน 5 คัน

2. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 46 เล่ม

3. บัตรกดเงินสด จำนวน 6 ใบ

4. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 10 เครื่อง

5. คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง

6. กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวน 10 ใบ

7. แท็บเลต จำนวน 1 เครื่อง

8. ซิมโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 ซิม

9 ตรายางแต่ละบริษัท กว่า 20 บริษัทและเอกสารการจดทะเบียนบริษัทต่าง ๆ

รวมมูลค่าของกลางที่ตรวจยึดได้ทั้งหมด ประมาณ 10.5 ล้านบาท

 

 

 

บุกรวบ ดาราช่องดัง เป็นผู้บริหารการเงินเว็บพนันรายใหญ่

 

 

จากการสืบสวนพบว่า นายอมรทำหน้าที่จดทะเบียนบริษัท เปิดบัญชีนิติบุคคลและเป็นผู้เบิกถอนเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร จากนั้นนำไปส่งให้นายไพรัช โดยเบิกถอนอาทิตย์ละ 2-4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 1-3 ล้านบาท ต่อครั้ง โดยครั้งล่าสุดนั้น พบข้อมูลว่าถอนเงินไปวันเดียวจำนวนกว่า 9 ล้านบาท จากหลักฐานพบว่า นายอมรได้ถอนเงินมากกว่า 15 ครั้งต่อเดือน รวมเป็นเงินจำนวนกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมระยะเวลา 4 เดือนตั้งแต่จัดตั้งบริษัทแล้ว ทราบว่าได้ถอนเงินสดไปแล้วกว่า 120 ล้านบาท

จากการข้อมูลพบว่า นายอมรมีอาชีพเป็นนักแสดงประกอบละครของช่องดังช่องหนึ่ง เคยรับบทเป็นเพื่อนพระเอกของละครดัง เคยแสดงเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอ ถ่ายแบบนิตยสาร งานเดินแบบ งานประกวด และรับงานต่าง ๆ ในวงการบันเทิง

ส่วนนายอิศรา ทำหน้าที่เป็นผู้เบิกถอนเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร โดยได้เบิกถอนเงินจากบัญชีบริษัทต่างกันจำนวน 3 บริษัท แล้วนำไปส่งตามจุดต่าง ๆ ตามที่นายไพรัชแจ้งโดยไม่ซ้ำจุดกัน เมื่อไปถึงแล้ว จะนำเงินใส่ไว้ในรถที่จอดไว้ตามที่นายไพรัชแจ้งข้อมูลรถและสถานที่

จากข้อมูลพบว่านายอิศราเดินทางไปทำธุรกรรมทางการเงินไม่น้อยกว่า 4 วันต่อสัปดาห์ โดยทำการถอนมากกว่า 40 ครั้งต่อเดือน ประมาณ 1.5 – 2 ล้านบาทต่อครั้ง เป็นจำนวนเงินกว่า 80 ล้านบาท โดยรับจ้างทำมาแล้วกว่า 4 เดือน เมื่อรวมระยะเวลาทั้งหมดแล้ว นายอิศราได้ถอนเงินสดมากกว่า 320 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่น ๆ โดยเฉพาะเจ้าของเว็บและอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ร่วมขบวนการที่ยังหลบหนี เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

บุกรวบ ดาราช่องดัง เป็นผู้บริหารการเงินเว็บพนันรายใหญ่

 

 

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนั้นเป็นระดับผู้บริหารการเงินและมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการบริหารจัดการเงิน รวมทั้งอำพรางปกปิดการสืบสวนจับกุมด้วยการใช้บัญชีม้าในรูปแบบนิติบุคคลที่จดทะเบียนถูกต้อง ซึ่งตัวนายอมรนั้น เคยเป็นอดีตนักแสดงประกอบตัวละครชื่อดัง แต่ได้มาร่วมมือกับเพื่อนที่ 2 คนในการบริหารการเงินให้กับเว็บพนันออนไลน์ หลังจากนี้จะดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้ง 3 คนในข้อหาเกี่ยวกับการฟอกเงินและความผิดเกี่ยวกับการพนันต่อไป

ส่วนจะต้องถึงขั้นไปตรวจสอบบุคคลในวงการบันเทิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกหรือไม่นั้น คงไม่ถึงไปขั้นนั้นและคงไม่สามารถเหมารวมได้ แต่หากมีเรื่องร้องเรียนหรือมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำความผิด ก็จะดำเนินคดีหมดทุกคนโดยไม่ละเว้น