สะดุ้งตื่น ตี 3 ตี 4 แล้วนอนต่อไม่หลับ? อาจเป็นสัญญาณเตือน 5 โรคที่ซ่อนอยู่

สะดุ้งตื่นตอน “ตี 3-ตี 4” แล้วนอนต่อไม่หลับ? อาจเป็นสัญญาณเตือน 5 โรคที่ซ่อนอยู่
เคยเป็นไหม? กำลังนอนหลับสบาย แต่จู่ๆ ร่างกายกลับปลุกให้ตื่นขึ้นมากลางดึกช่วงเวลาเดิมๆ ประมาณตี 3 หรือตี 4 แล้วข่มตานอนต่อยากเหลือเกิน หลายคนมักเข้าใจผิดว่านี่เป็นเรื่องปกติของ “คนอายุเยอะ” หรือเป็นเพราะคุณภาพการนอนที่แย่ลงตามวัย
แต่ในมุมมองทางการแพทย์ การตื่นนอนผิดเวลาเป็นประจำอาจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่มันคือสัญญาณเตือนภัยเงียบจากร่างกายที่กำลังบอกว่าระบบภายในของคุณกำลังมีปัญหา หากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและกายได้ มาเช็กกันว่า 5 ปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่มีอะไรบ้าง

1. ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ
โดยปกติแล้ว ในเวลากลางคืนระบบประสาทพาราซิมพาเทติกจะทำงานเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายและซ่อมแซมตัวเอง แต่ความเครียดสะสม ความวิตกกังวล หรือพฤติกรรมการนอนที่ไม่เป็นเวลา อาจทำให้สมองตื่นตัวผิดจังหวะในช่วงเช้ามืด
โดยเฉพาะคนที่แบกรับความกดดันสูง แม้จะหัวถึงหมอนแล้วหลับได้เร็ว แต่ร่างกายมักจะรักษาระดับการหลับลึกไว้ไม่ได้ ทำให้ถูกปลุกด้วยสิ่งเร้าเพียงเล็กน้อยในช่วงตี 3-4 ซึ่งเป็นช่วงที่ระบบประสาทมีความไวต่อความรู้สึก
2. ระดับน้ำตาลในเลือดแปรปรวน
ผู้ป่วยเบาหวาน หรือคนที่อดอาหารมื้อเย็นนานเกินไป อาจเกิดภาวะ “น้ำตาลในเลือดต่ำ” ขณะหลับ ร่างกายจึงต้องหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนและคอร์ติซอลออกมาเพื่อปรับสมดุล ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีผลทำให้เราตื่นตัวและสะดุ้งตื่น
หากคุณตื่นมาพร้อมอาการเหงื่อออก ใจสั่น มือสั่น และนอนต่อไม่หลับ ควรลองตรวจเช็กระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นเบาหวาน
3. ภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล
การตื่นเช้าผิดปกติ (Early Morning Awakening) เป็นอาการคลาสสิกของผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าหรือโรควิตกกังวล เกิดจากความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้วงจรการนอนรวน
ผู้ที่มีอาการนี้มักจะตื่นมาด้วยความรู้สึกไม่สดชื่น หดหู่ หรือเบื่ออาหารในตอนเช้า หากคุณเป็นแบบนี้ติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ และเริ่มกระทบต่อการใช้ชีวิต ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพจิต
4. ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง (วัยทอง)
เมื่อเข้าสู่วัย 45 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้หญิง ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงจะส่งผลต่อการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย ทำให้อาจเกิดอาการร้อนวูบวาบ (Hot flashes) จนสะดุ้งตื่นกลางดึก ส่วนในผู้ชาย การลดลงของฮอร์โมนแอนโดรเจนก็ส่งผลให้หลับไม่สนิทและตื่นเช้าได้เช่นกัน

5. ปัญหาหัวใจและปอด
ผู้ที่มีปัญหาการทำงานของหัวใจ หรือโรคปอดเรื้อรัง อาจเกิดภาวะขาดออกซิเจนชั่วคราวขณะหลับลึก ร่างกายจึงตอบสนองด้วยการกระตุกให้ตื่นเพื่อหายใจ รวมถึงผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ที่มักจะกรนดังและสะดุ้งตื่นเพราะหายใจไม่ออก หากตื่นมาแล้วเวียนหัว ไม่สดชื่น ควรปรึกษาแพทย์ทันที
วิธีรับมือเบื้องต้น
หากคุณเจอปัญหานี้ อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเป็นเพราะความแก่ ลองเริ่มปรับสภาพแวดล้อมห้องนอนให้เงียบสงบ อุณหภูมิพอเหมาะ เลือกเครื่องนอนที่ระบายอากาศได้ดี ไม่เก็บความร้อน เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายที่สุด
นอกจากนี้ อาจพิจารณาทานอาหารเสริมที่ช่วยเรื่องการนอนหลับ เช่น แมกนีเซียม หรือ โอเมก้า-3 (ควรปรึกษาเภสัชกรก่อน) เพื่อช่วยให้หลับได้ลึกและยาวนานขึ้น การนอนหลับที่ดีคือรากฐานของการมีสุขภาพที่แข็งแรง
